‘บอสเจ๋ง’ สารภาพอายมากผีห่วย-งงเล่นในบ้านยิ่งแย่

รูเบน อโมริม กุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับว่าเขารู้สึกอับอายกับผลงานของทีมในเวลานี้
อโมริม เข้ามาคุมทีมเมื่อเดือนพฤศจิกายน หลังจากฝากผลงานอันยอดเยี่ยมกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในโค้ชที่น่าจับตามองที่สุดในยุโรป แต่จนถึงตอนนี้เขาพา “ปีศาจแดง” ชนะได้เพียง 5 จาก 16 นัดในพรีเมียร์ลีก และแพ้ไปถึง 8 นัด
ยูไนเต็ด กำลังเผชิญกับฤดูกาลที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกของพวกเขา โดยปัจจุบันรั้งอันดับ 14 ของตาราง อย่างไรก็ตามกุนซือโปรตุกีสยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากแฟนบอลส่วนใหญ่
อโมริม ให้สัมภาษณ์กับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตตำนานของทีมผ่านทาง
TNT Sports
ว่า “ผมรู้สึกได้ว่าแฟนบอลยังเชื่อมั่นในตัวผม ซึ่งในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกอับอาย เพราะถ้าคุณดูฟอร์มของเราและเห็นว่าเราเล่นกันยังไง บางครั้งมันเป็นเรื่องยากมากที่ผมจะหาข้อดีได้”
เขายืนยันว่าทีมทำได้ดีในการฝึกซ้อม แต่กลับไม่สามารถถ่ายทอดสิ่งนั้นออกมาในเกมการแข่งขันได้
การเล่นในบ้านกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับ ยูไนเต็ด โดยภายใต้การคุมทีมของ อโมริม พวกเขาแพ้ไปแล้วถึง 5 นัด ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
อโมริม มองว่าปัญหาไม่ใช่เรื่องคุณภาพของนักเตะ แต่เป็นเรื่องของสภาพจิตใจ โดยเขารู้สึกว่านักเตะมีอาการตื่นสนาม และความกดดันมหาศาลส่งผลต่อฟอร์มการเล่น
“ผมคิดว่าเราเล่นด้วยความกังวลมากเกินไป คุณสัมผัสได้จากรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งการเคลื่อนที่ หรือการอ่านเกม โดยเฉพาะที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด” เฮดโค้ชวัย 40 ปีกล่าว
“ผมรู้สึกว่าในห้องแต่งตัว ก่อนที่เราจะออกไปวอร์มอัพ และก่อนจะเริ่มเกม บรรยากาศมันอึดอัดมาก ทุกอย่างดูหนักอึ้ง และสิ่งเหล่านี้มันสะท้อนออกมาในเกมที่เราเล่น”
แม้ อโมริม จะยอมรับว่าผลงานยังไม่ดีพอ แต่เขายืนยันว่าจะสู้ต่อไป และมองว่าการเปลี่ยนแปลงแท็คติกเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้
“วิธีเดียวที่ผมช่วยพวกเขาได้คือการให้แนวทางการเล่นในสนาม แต่พวกเขาต้องเชื่อมั่นด้วย” อโมริม เพิ่มเติม
“และการเชื่อมั่นที่แท้จริงคือในช่วงเวลาที่ยากลำบาก อย่างตอนที่เราเสียประตู หรือตอนที่เราต่อบอลกันไม่ได้เลย พวกเขาต้องยึดมั่นในแนวทางการเล่นและไม่ทิ้งมันไป นั่นคือสิ่งที่ยากที่สุด”
“เพราะทุกครั้งที่เราเสียประตู หรือทีมเจอช่วงเวลาที่แย่ คุณจะเห็นเลยว่าการเล่นของเราขาดความเชื่อมโยง เราเริ่มเล่นสะเปะสะปะกันเอง”
“ผมเข้าใจนะว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องฟุตบอลหรือแท็คติก แต่มันเป็นเรื่องของสภาพจิตใจของนักเตะด้วย”
ที่มา: soccersuck