เฮียดุกชี้ ‘เสี่ยแรช’ ไปต่อกับผีได้แค่ต้องเปลี่ยนทัศนคติ
หลุยส์ ซาฮา อดีตกองหน้าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดเผยถึงจุดที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ต้องเปลี่ยนแปลง หากต้องการโอกาสครั้งที่สองในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด
แรชฟอร์ด ย้ายไปร่วมทีม แอสตัน วิลล่า ด้วยสัญญายืมตัวเมื่อช่วงหน้าหนาว หลังจากถูก รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีม “ปีศาจแดง” ปล่อยตัวออกไป และตอนนี้เขากำลังค่อย ๆ ปรับตัวเข้ากับ วิลล่า ได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้การคุมทีมของ อูไน เอเมรี
ปีกรายนี้ยิงไปแล้ว 3 ประตู และทำอีก 4 แอสซิสต์ในทุกรายการ และกลับมาติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่อีกครั้งในยุคของ โธมัส ทูเคิล ในเกมคัดเลือกฟุตบอลโลก เมื่อเดือนที่แล้ว
วิลล่า รับภาระเงินค่าเหนื่อย 315,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ของ แรชฟอร์ด อยู่อย่างน้อย 75 เปอร์เซ็นต์ และมีทางเลือกที่จะเซ็นสัญญาถาวรเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลด้วยค่าตัว 40 ล้านปอนด์
แม้จะยังไม่มีสิ่งที่ยืนยันได้ว่า แรชฟอร์ด จะกลับมาเล่นให้กับ ยูไนเต็ด อีกครั้งหรือไม่ แต่ ซาฮา เชื่อว่ากองหน้าวัย 27 ปีรายนี้สามารถสวมเสื้อสีแดงในฤดูกาลหน้าได้ภายใต้เงื่อนไขข้อหนึ่ง
“ผมคิดว่าเขาสามารถกลับไปที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้นะ แต่เขาต้องเปลี่ยนบุคลิกและทัศนคติของตัวเอง” อดีตแข้งชาวฝรั่งเศสกล่าว
“เขาพิสูจน์ให้เห็นในสนามแล้วว่าเขาเป็นผู้เล่นระดับท็อป แต่เขาต้องกำจัดอีโก้ทั้งหมดออกไป มันง่ายมาก หากคุณต้องการทำลายแนวรับและช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จ คุณต้องทำมันในหลาย ๆ วิธี”
“มันไม่ได้เกี่ยวกับเพื่อนร่วมทีมหรือผู้จัดการทีมของเขา แต่มันเกี่ยวกับตัวเขาเอง และจนกว่าทัศนคติของเขาจะเปลี่ยนไป เราก็จะยังไม่ได้เห็น มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่แท้จริง”
“ผมเป็นแฟนตัวยงเช่นเดียวกับอีกหลายคน และรู้สึกเสียใจมากเมื่อเขาต้องออกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะเหตุผลที่ทำให้เขาต้องล้มเหลวที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด แต่ที่ผมเสียใจยิ่งกว่าคือฟอร์มการเล่นของเขาที่ แอสตัน วิลล่า”
ซาฮา ยังยืนกรานว่า แรชฟอร์ด ไม่เพียงแต่มีศักยภาพพอที่จะสร้างความประทับใจให้กับสโมสรเก่าของเขาเท่านั้น แต่ยังดีพอที่จะสร้างความประทับใจให้กับสโมสรอื่น ๆ ทั่วโลกอีกด้วย
“เขาไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ มันไม่เกี่ยวกับผู้คน แทคติก หรือความสัมพันธ์กับแฟนบอล และสำหรับผมแล้ว มันเป็นเรื่องไร้สาระ มันเป็นหน้าที่ของเขาที่จะหาทางออกและปรับตัว” ซาฮา กล่าวเสริม
“ผมเชื่อว่าเขาทำได้ และถ้าเขาตัดสินใจที่จะทำ ผมคิดจริง ๆ ว่าเขาสามารถประสบความสำเร็จได้กับทุกสโมสรในโลก”
ที่มา: soccersuck
